อาชีพแพทย์คืออะไร
แพทย์ คือ ผู้ตรวจค้นโรคและความผิดปกติของร่างกาย จิตใจ สั่งยา ให้การรักษา มีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งในด้านการส่งเสริม สนับสนุน ป้องกัน รักษาโรค และฟื้นฟูสมรรถภาพ
ทำไมถึงอยากทำอาชีพนี้
เพราะเป็นอาชีพที่ตรงกับลักษณะงานที่ชอบ เป็นอาชีพที่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมารักษาคนไข้ให้กลับมาเป็นปกติ เป็นอาชีพที่มั่นคง มีเกียรติและรายได้ดี
ลักษณะการทำงานของอาชีพนี้
แพทย์แบ่งออกเป็นหลากหลายแขนงมากตามอาการของโรค ซึ่งทุกแขนงมีความสำคัญเท่าเทียมกัน และมีจุดประสงค์หลักเดียวกัน คือการได้ใช้ความรู้ความสามารถรักษาคนไช้ให้หายขาดหรืออาการดีขึ้นจากเดิม โดยผ่านกระบวนการวินิจฉัยและหาหนทางการรักษา ซึ่งสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการรักษาชีวิตของคนไข้ให้ได้นานที่สุดไม่ว่าจะวิธีทางการแพทย์หรือในเรื่องของกำลังใจที่ให้คนไช้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
Work process
ขั้นตอนการทำงานของอาชีพหมอคือ
- พูดคุยเพื่อสอบถามอาการของคนไข้ มีการตรวจเบื้องต้นว่าป่วยเป็นโรคอะไร
- เมื่อทราบอาการแล้ว หากเป็นอาการป่วยที่สามารถรักษาได้ทันที คุณหมอจะจ่ายยา และบอกถึงวิธีการที่คนไข้จะดูแลตัวเองหลังจากกลับบ้าน แต่หากเป็นอาการที่ต้องรักษาต่อก็จะส่งต่องานไปยังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามอาการนั้นๆ
- หากเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ ในตอนเช้าก็เดินจะตรวจดูอาการของคนไข้ในความดูแลทุกๆคนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
- นำผลที่ได้มาวินิจฉัยเพื่อจะดำเนินการรักษาต่อในขั้นตอนต่อไป ซึ่งคนไข้บางรายอาจใช้เวลารักษานานหลายปีกว่าจะหายขาด
- นอกจากนี้ก็จะมีการแบ่งตามหน้าที่ความรับผิดชอบของคุณหมอตามแผนกต่างๆซึ่งมีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน คุณหมอที่มีหน้าที่ตรวจชิ้นเนื้อ ฉายรังสี ผ่าตัด จ่ายยา การทำงานในแต่ละวันก็จะขึ้นอยู่กับว่าเป็นคุณหมอแผนกไหน
- ยังมีในเรื่องของการเข้าเวร ที่ต้องทำงานเกินเวลาจากเดิม และ เหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจถูกเรียกตัวเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นอกเวลางาน ซึ่งคุณหมอต้องมีความพร้อมเสมอ
Career path/ความก้าวหน้าของสายอาชีพ
ความก้าวหน้าของอาชีพหมอจะมาจากอายุการทำงาน เพราะจะเป็นระบบเดียวกับข้าราชกาล คือมีการเลื่อนขั้นตาม ซี เมื่อมีอายุการทำงานและประสบการณ์มากขึ้น ตำแหน่งและหน้าที่รับผิดชอบก็จะเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถรักษาโรครักษาและวินิจฉัยอาการที่ยากของคนไข้ได้ นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องของวิชาการ คือ การเรียนต่อในระดับปริญญาโท และ เอก เพื่อเพิ่มเติมความรู้ในเชิงลึกของการรักษาในแขนงนั้นๆ
บุคลิก นิสัยของคนที่เหมาะจะทำอาชีพนี้
- คุณหมอต้องเป็นคนใจเย็นเพราะต้องทำงานกับคนไข้ที่มีทั้งความกังวลใจไม่สบายใจ คุณหมอจำเป็นต้องมีวิธีการพูดคุยและให้การรักษาอย่างเข้าใจมากที่สุด
- มีน้ำใจเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีจิตวิทยาในกรรักษาและการพูดเพื่อหาทางออกและสร้างความสบายใจให้กับคนไข้
- เป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา เพราะมีโรคใหม่ๆ เทคโนโลยีและการรักษาใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา
- มีทักษะความรู้ที่ดีสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างดีมาก เพราะต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอยู่ตลอดเวลา เช่นคนไข้ช๊อค การผ่าตัดมีการผิดพลาด เลือดไหลไม่หยุด ต้องมีคนที่มีสติและคิดหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
- ต้องมีความกล้าในทุกๆอย่าง กล้าตัดสินใจ กล้าลงมือทำ ไม่กลัวเข็ม ไม่กลัวเลือด อุปกรณ์การแพทย์ต่างๆหรืออวัยวะต่างๆในร่างกาย เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องพบเจอในทุกๆวัน
คุณค่าของอาชีพและผลตอบแทน
อาชีพหมอกำเนิดขึ้นเป็นวิชาชีพแรกๆและมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นการเกิด แก่ เจ็บ และ ตาย ต่างต้องอาศัยความรู้ความสามารถทางการแพทย์ทั้งสิ้นและวิชาชีพหมอก็ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆทั้งในเรื่องความรู้ความสามารถ เทคโนโลยีทางการแพทย์ การค้นคว้าวิธีการรักษาใหม่ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากอาการ เจ็บน้อยลง และย่อระยะเวลาในการรักษาให้สั้นลง วิธีการต่างๆก็เพื่อให้คนในสังคมไม่ทุกข์จากการมีโรคภัยไข้เจ็บ สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติจากการได้รับการรักษา โรคภัยเกิดขึ้นได้ทุกวันและเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาชีพหมอจึงถือว่าเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อสังคมเป็นอย่างมาก
ผลตอบแทน
ในเรื่องของระบบเงินเดือนนั้นหากเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลของรัฐ จะมีระดับเงินเดือนตามขั้นโดยข้าราชการพลเรือนมีระดับขั้นตั้งแต่ ซี 1 ถึง ซี 11 ซึ่งแต่ละระดับก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยแพทย์เริ่มต้นจะได้รับบรรจุเป็น ซี 4 ซึ่งมีขั้นเงินเดือน 8,190 บาท ในแต่ละซี จะมีขั้นเงินเดือนหลายๆขั้นเป็น 10 ขั้น เช่น ซี 1 มีขึ้นเงินเดือนต่ำสุดคือ 4,100 บาท สูงสุดคือ 7,260 บาท ซี 11 ขั้นต่ำสุดคือ 29,690บาท สูงสุดคือ 57,190 บาท ซึ่งตัวเลขต่างๆเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอด ขึ้นอยู่กับระเบียบของก.พ. หรือคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำหรับคุณหมอถ้าไม่มีปัญหาอะไรทุกๆปีก็จะได้เลื่อนขึ้นเงินเดือน 1 ขั้น หรือ 2 ขั้นถ้ามีความสามารถ นอกจะนี้ยังมีการเลื่อนซีด้วย บรรจุครั้งแรกเป็นซี 4 แต่เป็นขั้นควบคือควบซี 5 และซี 6 ด้วย ถ้างทำงานครบ 2 ปีเต็ม จะถูกเลื่อนให้เป็นซี 5 โดยอัตโนมัติและถ้าทำงานต่อไปอีก 4 ปีก็จะได้เลื่อนไปเป็นซี 6 เห็นได้ว่าจะเลื่อนตำแหน่งและฐานเงินเดือนขึ้นไปเรื่อยๆตามอายุการทำงาน
ทักษะความรู้และความสามารถ
สาขาที่จะเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์นั้น มีการเรียนการสอนที่แตกต่างกันตามสถาบัน แต่มีวิชาหลักที่เหมือนกันนั้นคือ ปี 1-3 เรียน Basic science และ Basic medical science
Basic science คือเคมี ชีวะ ฟิสิกส์
Basic medical science เป็นวิชาแพทย์
Basic medical science เป็นวิชาแพทย์
- behavior sci เป็นวิชาการจัดการ จิตวิตยา การวิจัย การเข้าใจคนไข้
- anatomy กายวิภาค เป็นสิ่งที่จับต้องได้ทั้งหมด
- physiology เป็นการทำงานของร่างกาย
- pathology การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ทำให้เกิดโรค
- phamacology เรื่องของยาหลักการ การออกฤทธิ์ กลไล ฯลฯ
ซึ่งแต่ละเรื่องก็จะแบ่งแยกไปตามระบบต่างๆของร่างกาย
- basic sci เกี่ยวกับเชื้อโรค กลไกการเกิด
- Integument ระบบปกคลุมร่างกาย เช่น ผิว ผม เล็บ
- locomotive ระบบเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว ได้แก่กระดูก กล้ามเนื้อ,,,,
- cardiovascular ระบบหัวใจและหลอดเลือด
- respi การหายใจ
- gastro-intestinal ทางเดินอาหาร
- KUB ทางเดินปัสสาวะ
- reproductive การสืบพันธ์
- neurology ระบบประสาท
ปี 4-5 จะเป็น clinical skill คือการเรียนรู้การทำงานจริง และการฝึกกับผู้ป่วยจริง
จะแบ่งออกเป็นแผนกต่างๆดังนั้น
- OB-gyne สูติ-นรีเวช
- surgery การผ่าตัด
- internal medicine การรักษาโดยการใช้ยา
- pediatric เด็ก
- orthopedics กระดูกและข้อ
- ophthalmology ตา
- ENT หู คอ จมูก
- Emergency ฉุกเฉิน
- Anas ดมยาสลบ
- commed-fammed การดูแลแบบองค์รวม การทำวิจัย
- psychiatric จิตเวช
- rehabilitation กายภาพบำบัด
ปีที่ 6 เป็นการเริ่มทำงานจริง ภายใต้การควบคุมก็จะวนไปหลายหลายส่วนหลายๆโรงพยาบาล ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด อาทิตย์ละ 7 วัน วันใหนอยู่เวรก็ต้องอยู่บนโรงบาล 24 ชั่วโมงวันรุ่งขึ้นก็ทำงานต่อ แต่เป็นชั้นปีที่สนุกที่สุดเพราะได้ลงมือปฏิบัติจริง
ซึ่งการเรียนตามหลักสูตรทั้งหมดนี้นอกจากจะต้องมีความถนัดทางด้านวิชาวิทยาศาสตร์ และต้องเรียนสาย วิทย์ – คณิต ในชั้นมัธยมปลายแล้ว ยังต้องมีความชอบและสนใจในวิชาย่อยต่างๆด้วย เพราะเนื้อหาการเรียนค่อนข้างเยอะมีการท่องจำ ต้องมีวินัยและความขยันอย่างมากในการเรียน ซึ่งคุณหมอจะเรียนแพทย์ทั่วไป 6 ปี และ แยกเป็นแพทย์เฉพาะทางอีก 3 ปี
เครื่องมือที่ใช้ในอาชีพ
คุณหมอแต่ละคนจะมีเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาโรคแตกต่างกันตามอาการของโรค แต่จะมีสเตตโตสโสป(Stethoscope) หรือ หูฟัง ที่มีไว้สำหรับฟังเสียงผิดปกติในร่างกาย โดยเฉพาะเสียงการเต้นของหัวใจพกไว้ เพื่อใช้ในการตรวจอากาศเบื้องต้นของโรค เป็นเครื่องมือเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของคุณหมอที่คุณหมอทุกคนจะขาดไม่ได้
อ้างอิง : http://www.a-chieve.org/information/detail/92
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น